วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551


วัดทะเลลอย ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองอ้อ หมู่ ๔ ตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยวัดทะเลลอยมีมาประมาณ๑๐๐กว่าปีมาแล้วมีการก่อสร้างวัตถุถาวรขึ้นภายในวัดให้ปรากฏเห็นเมื่อก่อนนี้มีศาลาการเปรียญที่เก่าอยู่หนึ่งหลังปัจจุบันถูกลือทิ้งไปแล้วยังมีแต่ร้านใส่บาตรข้าวสุกไว้เป็นหลักฐานที่ปรากฏให้เห็น อยู่ถึงปัจจุบันนี้ วัดทะเลลอย ถ้าฟังชื่อแล้วคงจะนึกว่าอยู่ใกล้ทะเล แต่หาไม่เลยกลับอยู่ห่างจากทะเลเป็นร้อยกิโลเมตร สาเหตุที่ได้นามว่าวัดทะเลลอยมีผู้คนได้เล่าต่อกันมา วัดทะเลลอยเป็นวัดที่ตั้งติดอยู่กับแม่น้ำยมที่ได้ไหลมาจากจังหวัดแพร่ลงสู่อำเภอศรีสัชนาลัย และจังหวัดสุโขทัยมีข้อสันนิฐานว่าคนในสมัยโบราณเมื่อก่อนนี้ การเดินทางต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะที่จะไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งเรือในการเดินทาง การค้าขาย ก็ต้องเอาของลงเรือที่จะนำสิ่งของไปขายกันฉะนั้นแม่น้ำยมจึงมีความสำคัญสำหรับผู้คนในสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่งมีข้อสันนิฐานว่า ส่วนหนึ่งของหน้าวัดทะเลลอยติดอยู่กับแม่น้ำยม และมีหาดทรายทอดยาวสุดลูกตา หาดทรายที่ยาวไปไกลนั้นเป็นหาดทรายที่สวยงามที่สุดเหมือนกับหาดทรายแถวหาดที่อยู่ชายทะเลอย่างนั้นเพราะมีหาดทรายสีขาวละเอียดแลดูแล้วสวยงามยิ่งนักผู้คนในสมัยก่อนนั้นต้องอาศัยน้ำที่แม่น้ำยมไว้ดื่ม ไว้อาบก็ต้องลงไปหาบ ลงไปตัก เอามา และเมื่อมีผู้คนมากขึ้น เป็นชุมชนแล้วก็คงจะหาวัดไว้เพื่อทำบุญทำกุศลใกล้ ๆ บ้านก็คงจะปรึกษาหาลือกันว่าจะสร้างวัดที่ไหนกันดีจึงจะเหมาะสม เมื่อดูพื้นที่ แล้วคงจะเห็นที่ตั้งวัดของวัดทะเลลอยในปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว จึงได้พากัน ชักชวนผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมแรงร่วมใจกันช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาแต่เมื่อก่อนนี้คงจะเพียงเป็นที่พักของพระสงฆ์ แล้วนิมนต์พระภิกษุมาอยู่จำพรรษาเพื่อที่จะได้มีโอกาส ได้ตักบาตรทำบุญกัน ได้เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไปเข้าก็มีการสร้างวัตถุถาวร ให้เกิดขึ้นมาภายในวัดแล้วให้นามวัดตามความเห็นขอผู้คนในสมัยนั้นว่าวัดทะเลลอยเหมือนกับวัดนั้นอยู่ติดทะเลตามสภาพและความเหมาะสมแล้วหน้าวัดนั้นเมื่อยามหน้าแล้งนั้นผู้คนที่จะข้ามฝั่งไปอีกฝั่งหนึ่งก็จะพากันมาข้ามน้ำที่หน้าวัดทะเลลอยนี้เพราะน้ำนี้ไม่ลึกเมื่อวัดมีการก่อสร้างและเจริญขึ้นนั้นมีพระภิกษุมาอยู่พรรษามากขึ้น จึงได้ขอตั้งที่พักสงฆ์ มาเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์ ต่อมาเมื่อมีพระภิกษุมากขึ้นอยู่จำพรรษามากบ้างน้อยบ้าง และบางปีก็ไม่มีพระอยู่จำพรรษา เลยทำให้เป็นวัดล้าง ไม่มีพระอยู่จำพรรษา เมื่อมีเจริญก็ย่อมเสื่อมลง เมื่อมีเสื่อมก็ย่อมมีความเจริญได้เช่นเดียวกัน ต่อมาเมื่อมีพระภิกษุมาอยู่จำพรรษา อีกทั้งผู้มีจิตศรัทธาก็พากันเลื่อนถอนศาลาการเปรียญหลังเก่าทิ้งไปแล้ว ได้ก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้นมาแทนหลังเก่าแล้วได้ดำเนินการสร้างวัตถุถาวรขึ้นใหม่อีก ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างภายในวัดทะเลลอยได้เนินการเช่น กุฏิ อุโบสถและสิ่งก่อสร้างอีกมากมายหลายอย่างด้วยกัน ก็นับว่าผู้มีจิตศรัทธายังไม่ทอดทิ้งวัดมีความศรัทธาและความเลื่อมใสมีต่อวัดทะเลลอยตลอดมา จนถึงปัจจุบัน วัดทะเลลอยจึงมีชื่อเหมือนอยู่ติดทะเล เมื่อผู้คนได้ยินชื่อวัดก็คงนึกแปลกใจว่าจังหวัดสุโขทัย มีด้วยหรือที่วัดอยู่ติดทะเล วัดทะเลลอยมีเนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมด ๕ ไร่ ๓ งาน และเป็นที่ติดแม่น้ำยมอีกประมาณ ๕ ไร่ ที่เป็นหน้าวัดสมัยก่อนแต่ในปัจจุบันนี้ ถนนทางหลวงได้ตัดเป็นส่วนผ่านวัดทางด้านหลังวัดจึงต้องเปลี่ยนให้เป็นหน้าวัด แล้วหลังวัดเป็นหน้าวัดแทน เพราะในสมัยนี้การเดินทางด้วยเรือนั้นหมดไปแล้วหันมาเดินทางบกด้วยรถยนต์กันหมดแล้ว
วัดทะเลลอยติดกับทางหลวงสาย ศรีสัชนาลัย - สุโขทัยเมืองเก่า ถ้าออกจากอำเภอศรีสัชนาลัย จะไปอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเมืองเก่าก็ใช้เส้นทางนี้สะดวกสบายวัดทะเลลอย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานศรีสัชนาลัยประมาณ ๕ กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเตาทุเรียง ในสมัยก่อนเป็นเตาเผาถ้วยชาม สมัยก่อนมีมากที่สุดในจังหวัดสุโขทัย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยปัจจุบันทางวัดได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ เสร็จแล้ว งานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ก็จะเป็นที่สมบูรณ์แบบมีอุโบสถไว้ทำสังฆกรรมได้วัดทะเลลอยเมื่อยามน้ำมากก็ไม่ถึงกับน้ำท่วมคล้ายกับอยู่บนเกาะที่อยู่กลางทะเลก็คงคล้าย ๆ กับนามของวัดว่าทะเลลอยเพราะน้ำไม่ถึง

ไม่มีความคิดเห็น: